Wealth กับ Networt

By admin
In Finance
09/04/2023
1 min read

FA Time กับ อ.ตี๋ ชวลิต ลีลาภรณ์, FChFP

    Wealth กับ Networt

    คำที่เราจะได้ยินในสายการเงินบ่อยๆคือ คำว่า Wealth กับคำว่า Networth ครับ  เรามารู้จัก 2 คำนี้กันดีกว่าครับ 

    Wealth หมายถึงความมั่งคั่งครับ เรามักใช้เป็นคำนี้ในการสื่อสาร ที่แสดงถึงความมั่งคั่งของบุคคลนั้นๆ เช่นคนนี้มี Wealth สูงมาก  หมายถึงมีความมั่งคั่ง หรือรวยมากๆ   แต่วิธีการวัดความมั่งคั่งในทางตัวเลข เราจะวัดกันที่ค่า Networth หรือเราเรียกว่า “ความมั่งคั่งสุทธิ” ครับ ถ้าแปลกันในเข้าใจง่ายๆ ผมจะอธิบายว่า “ทรัพย์สินปลอดหนี้”  หรือคือ ทรัพยส์สินที่เราเป็นเจ้าของแล้วจริงๆ ไม่ได้เป็นหนี้แล้ว  สูตรคำนวณคือ

    ความมั่งคั่งสุทธิ = ยอดรวมทรัพย์สินทั้งหมด –  ยอดรวมหนี้สินทั้งหมด

    เช่น เราซื้อบ้าน มูลค่า 4 ล้าน  ดาวไป 1 ล้าน   เข้าธนาคาร 3 ล้าน   แสดงว่า

    ความมั่งคั่งสุทธิ ณ วันซื้อ =  4 ล้าน  –  3 ล้าน  =   1 ล้าน

    แต่หากเราผ่อนมาเรื่อยๆ เป็นเวลา 12 ปีแล้ว มูลค่าบ้านเติบโตขึ้น เป็น 5 ล้าน   แต่หนี้สินลดลงเหลือ 2 ล้านบ้าน  ดังนั้น

    ความมั่งคั่งสุทธิ ณ ปัจจุบัน = 5 ล้าน – 2 ล้าน  = 3 ล้าน

                ผ่านมา 12 ปี ความมั่งคั่งเฉพาะเรื่องบ้านเพียงเรื่องเดียว เรามีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นถึง 2 ล้านบาท เนื่องจากการผ่อนชำระ และที่สำคัญมาจากมูลค่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น (หนึ่งในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์)

    คนจะรวยจริง รวยไม่จริง เราไม่ได้วัดแค่ว่าวันนี้ใส่เสื้อแบนด์  ขับรถยุโรป  กระเป๋าถือยี่ห้อดัง  เราต้องวัดกันที่ มูลค่า Networth (ความมั่งคั่งสุทธิ) หรือ มูลค่าทรัพย์ปลอดหนี้สินแล้ว

    วันนี้เราทำให้ Networth และ Wealth มีค่ามากๆ ได้ง่ายๆ เพียงทำแค่ 2 อย่างเองครับ

    1. ทำให้ “สินทรัพย์” มียอดมากขึ้น 
    2. ทำให้ “หนี้สิน” มียอดน้อยลง    แต่วิธีการทำได้อย่างไร? อันนี้คงต้องคุยกับ FA เป็นการส่วนตัวแล้วละครับ   ผมขอแบ่งปันไอเดีย บางส่วนนะครับ
    1. “สินทรัพย์”  แบ่งเป็น 2 ประเภทครับ คือ 
      1. สินทรัพย์ที่วันข้างหน้า จะมีราคา มากกว่า วันนี้ เช่นบ้าน ทองคำ พันธบัตร
      1. สินทรัพย์ที่วันข้างหน้า จะมีราคา น้อยกว่า วันนี้ เช่น รถยนต์ ของใช้ส่วนตัว คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ

    เราควรสะสมสินทรัพย์ ประเภท a เยอะๆ และสะสมสินทรัพย์ประเภท b ให้น้อยๆ  และในสินทรัพย์ประเภท a ก็ควรมีทั้งสินทรัพย์ที่มีความมั่งคง เช่นตราสารหนี้ และมีทั้งสินทรัพย์ที่เน้นการเติบโตเช่น ตราสารทุน ผสมกันตามอัตราส่วนที่เหมาะสมกับตัวบุคคล (ปรึกษากับ FA ได้ครับ)

    • “หนี้สิน”  การเป็นหนี้ มีทั้งเรื่องดีและไม่ดี ครับ  !!!การเป็นหนี้ มีเรื่องดีด้วยหรือ?  
    • หนี้สินนั้นสามารถนำไปสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย
    • หนี้สินนั้นไม่สามารถสร้างรายได้ หรือกำไรได้

    หากเราต้องมีหนี้สินประเภท c สำหรับผมถือว่าเป็นเรื่องดีครับ (บนพื้นฐานที่ต้องผ่อนจ่ายคืนเจ้าหนี้ไหวนะครับ)  เช่น ตัวอย่างผ่อนบ้านข้างต้น  เราผ่อนบ้านผ่านไป 12 ปี เรากลับมีมูลค่า Networth เพิ่มขึ้นจาก 1 ล้านบาท เป็น 3 ล้านบาท นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทั้งหลายล้วงใช้เงินคนอื่นมาสร้างธุรกิจทั้งนั้นครับ   แต่คนที่จะประสบความล้มเหลวมันจะมีหนี้สินประเภท d ครับ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการตอบสนองความอยากความต้องการเสียส่วนใหญ่ครับ เช่น ซื้อมือถือเงินผ่อน  ไปเที่ยวผับกินเหล้าใช้บัตรเครดิตรูดไปก่อน สุดท้ายเป็นหนี้บัตรเครดิต เป็นต้นครับ

    อยากมี Wealth สูงๆ  สิ่งที่ต้องทำสิ่งแรกคือ โทรหา FA ที่ส่งบทความนี้ให้ท่านครับ

    THAIFA “รวมพลัง สร้างอนาคต”