สินทรัพย์ดี/ไม่ดี  และรถยนต์

By admin
In Finance
09/04/2023
1 min read

FA Time กับ อ.ตี๋ ชวลิต ลีลาภรณ์ ,FChFP

สินทรัพย์ดี/ไม่ดี  และรถยนต์

เป็นที่รู้กันว่าคนที่มีสินทรัพย์มากมักจะเป็นคนรวย และเมื่ออยากรวยต้องรู้จักสะสมสินทรัพย์ แต่ไม่ใช่ทุกอย่างเป็นสินทรัพย์ดี บางอย่างก็เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ควรสะสมไว้มาก เช่นอะไรบ้าง นึกกันออกบ้างหรือเปล่าครับ?   เฉลยเลยนะครับ 

สินทรัพย์ที่ควรสะสมให้มีมากๆคือ สินทรัพย์ที่วันพรุ่งนี้จะมีราคาสูงขึ้นกว่าวันนี้ เช่น ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ คอนโด(บางโครงการ และบางช่วงเวลา) หุ้นพื้นฐานดี ทอง ความรู้ ประสบการณ์ สายสัมพันธ์ที่ดี ของสะสมบางประเภท เป็นต้นครับ  แต่ในทางตรงกันข้าง 

สินทรัพย์ที่ควรมีให้น้อยๆคือ สินทรัพย์ที่วันพรุ่งนี้จะมีราคาด้อยค่าลงกว่าวันนี้  ยิ่งด้อยค่าลงเร็วเท่าไรยิ่งไม่ดีเท่านั้น เช่น รถยนต์  ตัวบ้าน   คอนโด(ช่วงราคาขาลง) แม้กระทั้งเงินสด เงินฝากในบัญชีที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ เครื่องประดับบางประเภท ของสะสมบางประเภท เป็นต้น  ลองมองภาพ หากเราสะสมแต่สินทรัพย์เหล่านี้ เราอาจจะเริ่มสะสมด้วยมูลค่า 5 ล้านบาท ผ่านไปไม่กี่ปี สินทรัพย์เหล่านี้กลับเหลือมูลค่าแค่ 3 ล้านบาท  แสดงว่าเรากำลังจนลงจริงไหมครับ  

วันนี้ขอหยิบเรื่องรถยนต์มาคุยกันนะครับ  เพราะเป็นสินทรัพย์ใกล้ตัว และอาจมีการเข้าใจผิดกันได้มากที่สุด

  1. รถยนต์จัดเป็นสินทรัพย์ที่ด้อยค่าลงเมื่อเวลาผ่านไป โดยรถยนต์มีอัตราค่าเสื่อมค่อนข้างสูง เช่น Toyota Camry อาจจะมีมีมูลค่าประมาณ 50% ใน 5 ปีผ่านไป ในหลักการด้านการเงินหากเลี่ยงรถยนต์มือหนึ่งได้ ก็จะลดการสูญค่าเสื่อมไปได้  ยกเว้นแต่ท่านมีเหตุผลที่เหมาะสมสำหรับการยอมจ่ายค่าเสื่อมราคา เช่นท่านมองรถยนต์เป็นการลงทุนทางสังคม เหมือนเครื่องแต่งกาย  หรือเชื่อว่า ตลอด 5 ปี การไม่ต้องเสียค่าซ่อมยอมคุ้มค่า  หรือท่านให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นสำคัญ
  • ในการซื้อรถยนต์มือหนึ่งภาษี Vat จะถูกรวมอยู่ในราคาขายจากศูนย์  แต่ในการซื้อรถยนต์มือสอง ราคาที่ตกลงกันยังเป็นราคาที่ไม่ได้รวมภาษี Vat
  • อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เช่าซื้อรถยนต์ ทั่วไปในบ้านเราใช้อัตราดอกเบี้ยแบบ Flat Rate (ดอกเบี้ยเท่ากันทุกปีตลอดสัญญา)  เป็นระบบดอกเบี้ยสร้างความรู้สึกว่าเราได้รับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ค่อนข้างถูก แต่ในความเป็นจริงเมื่อนำไปเทียบกับดอกเบี้ยลดต้น ลดดอกแบบทั่วไปที่เราเข้าใจกัน เช่นดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน ดอกเบี้ย OD  กับไม่ได้ถูกกว่าเลย โดยเฉพาะยิ่งถ้าเป็นการเช่าซื้อรถยนต์มือสองด้วยแล้ว ดอกเบี้ยยิ่งแพงมาก  เรามาทำความเข้าใจวิธีคิดดอกเบี้ยแบบ Flat Rate กันครับ

เช่น ต้องการเข้าโครงการเช่าซื้อรถยนต์มือหนึ่ง ที่เงินต้น 1,000,000 บาท  อัตราดอกเบี้ย 2%  ทาง Finance จะถามเราว่า เราอยากจะผ่อนกี่ปี ถ้าผ่อนนานก็ผ่อนต่อเดือนน้อย หรือถ้าจะผ่อนสั้นๆก็หนักหน่อยถ้าไหว  สมมุติเราตอบไปว่าขอ 6 ปี  มาดูกันครับว่าเกิดอะไรขึ้น

  1. ดอกเบี้ยปีแรก = 1,000,000 x 2%  =  20,000 บาท
  2. Finance จะยึด 20,000 บาทนี้ เป็นจำนวนดอกเบี้ยที่ Finance ต้องได้ตลอดสัญญา 6 ปี ดังนั้น= 20,000 x 6 = 120,000 บาท  (หมายความว่า ดอกเบี้ยปี 1 – ปีที่ 6  เท่ากันทุกปี)
  3. ไม่พอ ณ วันเซ็นต์สัญญา  Finance จะรวมเงินต้น กับเงินดอกเบี้ย 6 ปีข้างหน้า เข้าด้วยกัน เป็นหนี้สินตั้งต้นทันที = 1,000,000 + 120,000 บาท = 1,120,000 บาท (ย้ำครับว่า เราเป็นหนี้รวมทั้งสิน 1,120,000 บาท  ไม่ใช่ 1,000,000 บาท เค้ารวมดอกเบี้ยทั้งโครงการมาให้เราถือเรียบร้อยแล้วครับ)
  4. จากนั้น ท่านก็เอาจำนวนเดือนมาตั้งหารได้เลยครับ กลายเป็นจำนวนหนี้ผ่อนต่อเดือน = 1,120,000 / 72 =  15,556 บาท / งวด  

หากมองให้ดีๆครับ ท่านจะพบว่ากลไลของระบบดอกเบี้ยแบบนี้ว่าเหมือนว่าดอกเบี้ยจะเพียงแค่ 2% แต่แท้จริงแล้ว ดอกเบี้ยคือ 3.8% (แบบลดต้นลดดอก)

  • อัตราดอกเบี้ยของการเช่าซื้อรถยนต์มือหนึ่ง ถูกกว่า อัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อรถยนต์มือสอง อาจจะเป็นตัวที่ท่านต้องตัดสินใจ
  • ค่าใช้จ่ายเรื่องรถยนต์ นอกจากค่าผ่อนแล้ว ยังมีเรื่องค่าเชื้อเพลิง ค่าบำรุงรักษา ค่าการประกันภัย ค่าสถานที่จอดรถ ค่าทำความสะอาด และอื่นๆอีกครับ  สำหรับบางคนการใช้รถสาธารณะ ผสมกับ Taxi อาจจะสะดวกสบาย หรือคุ้มค่ามากกว่าก็เป็นได้  ดังนั้นก่อนซื้อรถยนต์ต้องศึกษาผลได้ผลเสียให้ดีก่อนนะครับ อย่าคิดเพียงแค่อยากมีรถ

อย่ารวยต้องสะสมทรัพย์สินที่เพิ่มค่าขึ้นครับ  

THAIFA “รวมพลัง สร้างอนาคต”