FA Time กับ อ.ตี๋ ชวลิต ลีลาภรณ์, FChFP
ปัญหาเงินๆทองๆ การขาดสภาพคล่อง
ปัญหาที่มาจากความรักอาจจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดที่สุด แต่ปัญหาจากเรื่องเงินทองจะทำให้ปวดหัวและเครียดมากที่สุด ผู้คนจำนวนมากพบกับปัญหาเงินๆทองๆ โดยเริ่มต้นจากการขาดสภาพคล่อง นำไปสู่การติดหนี้ และชำระหนี้ไม่ไหว อยากหลีกหนีวงจรหนี้
จุดเริ่มต้นของหนี้สิน ทั้งหมดมาจากการมีเงินสดในมือไม่พอจ่าย หรือเรียกตามภาษาวิชาการต้องเรียกว่า “ขาดสภาพคล่อง”
ไม่ว่าจะเป็นการเงินบุคคล หรือบริษัท สภาพคล่องถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ใน กรณีของบริษัทที่ขาดสภาพคล่อง เบาๆก็อาจจะแค่เสียเครดิตบ้างเล็กน้อย แต่ในกรณีที่หนักๆอาจถึงขั้นต้องปิดบริษัทกันได้เลยครับ เช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอเมริกา Hamburger Crisis ปี 2551 มีบริษัทมากมายต้องปิดตัวลง เหตุผลหนึ่งคือการขาดสภาพคล่อง เพราะบริษัทเหล่านั้น ได้นำเงินไปลงทุนผ่านบริษัท Lehman Brother แต่เมื่อ ณ วันที่บริษัท Lehman Brother เกิดวิกฤต และทำให้ถูกระงับการทำธุรกรรมทั้งหมด บริษัทต่างๆเลยไม่สามารถเบิกถอนสินทรัพย์ลงทุนออกมาเป็นกระแสเงินสดได้ บริษัทต่างๆนั้นเลยต้องถูกปิดตัวตามไปด้วย
กรณีบุคคลธรรมดาทั่วไปที่ขาดสภาพคล่อง จะเข้าสู่วงจรของหนี้ ซึ่งมีขั้นมีตอนดังนี้
- เริ่มต้นจาก การยืมเงินอนาคตมาใช้ โดยการใช้วงเงินบัตรเครดิต วงเงินบัตรกดเงินสด ยืมจากเพื่อน ยืมจากเจ้าหนี้นอกระบบ โดยยอมจ่ายค่าดอกเบี้ย นี้เป็นจุดเริ่มต้นของเหตุแห่งหนี้
- เมื่อแหล่งกู้แรกวงเงินกู้เต็ม ก็จะเริ่มหาแหล่งเงินกู้อื่นๆเพิ่มขึ้น เพราะต้องมาหมุนเวียน และชำระหนี้ของที่แรก และจะเริ่มมีเจ้าหนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
- เมื่อแหล่งกู้เงินต่างๆวงเงินเต็มหมดทุกที่แล้ว การหมุนเงินไม่ทันก็จะเด่นชัดขึ้น การไม่สามารถคืนหนี้ไหวก็จะชัดเจนมาก
- ต้องเอาทรัพย์สินที่มีออกมาขาย โดยยอมขายทรัพย์สินแบบเร่งด่วน ทำให้โดนกดราคาอย่างน้อย 10% ขึ้นไป อาจถึง 20%-50% กันทีเดียว ในกรณีนี้ที่ใครมีทรัพย์สินมากพอก็อาจจะกลับตัว หลุดพ้นวงจรนี้ได้ทัน หากไม่พอก็จะไปข้อต่อไป
- เป็นหนี้ท่วมหัว เสียเครดิตจากการขาดชำระหนี้คืน เข้าสู่ขบวนการประนอมหนี้ และถูกยึดทรัพย์ต่อไป
บางคนสามารถหลุดจากวงจรหนี้นี้ได้ก่อนที่จะหนี้ท่วมหัว แต่หลายคนไม่สามารถหลุดออกจากวงจรหนี้นี้ได้ ท้ายที่สุดก็ต้องล้มทั้งยืน
สำหรับการแก้ปัญหา และการป้องกัน ให้ทำดังนี้ครับ
- ทำบัญชี รายรับ รายจ่าย (ทุกๆรายการรับจ่าย)
- บริหารรายรับ รายจ่าย วิเคราะห์ตนเอง ควรมีรายรับมากกว่ารายจ่าย ประหยัดได้ประหยัด อะไรไม่จำเป็นก็ไม่ต้องซื้อ และมีเงินเก็บให้ได้อย่างน้อย ปีละ 10% ของรายได้ (อ้างอิงจากคำแนะนำของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)
- บริหารเงินสด และสินทรัพย์ โดยการจัดสรร Port สินทรัพย์ที่เรามีอยู่ซะใหม่ หากไม่มีอยู่ ก็เริ่มสร้างขึ้น โดยแบ่งสินทรัพย์เป็น 2 ส่วนหลักๆคือ สินทรัพย์ประเภทเงินสดและใกล้เคียงเงินสด พวกนี้เช่นเงินฝากธนาคาร ทั้งออมทรัพย์และประจำ รวมไปถึง Money Market Fund และอีกส่วนคือ สินทรัพย์เพื่อการลงทุน เช่น กองทุนรวม หุ้น อสังหาริมทรัพย์ และอื่นๆ
- สินทรัพย์ประเภทเงินสด และใกล้เคียงเงินสด ต้องเริ่มสร้างก่อน และต้องสร้างให้มีมากพอสำหรับการใช้จ่ายในเหตุการณ์ที่มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น โดยต้องมีสินทรัพย์ส่วนนี้ อย่างน้อย 3 – 6 เดือน (คิดจากค่าเฉลี่ยการใช้จ่าย) เราเรียกเงินก้อนนี้ว่า “สภาพคล่องพื้นฐาน – Basic Liquidity” ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่า เงินก้อนนี้ถูกมองในลักษณะที่ว่า หากวันนี้ไม่มีรายได้เข้าเลยแม้แต่บาทเดียว อย่างน้อยเราก็จะยังคงยังชีพต่อไปได้อีก 3-6 เดือน เงินก้อนนี้มีน้อยไปก็ไม่ดี เพราะกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน จะไม่พอยังชีพให้พอกับเวลาที่ต้องใช้แก้ปัญหา แต่หากมีเงินก้อนนี้มากเกิดไปก็ไม่ดีอีกเช่นกัน เพราะจะทำให้เงินก้อนนี้ขาดโอกาสการสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น ดังนั้นจึงควรมีแค่พอดีๆครับ
- ทรัพย์สินที่เหลือจากข้อ 3 เราควรจะนำไปลงทุน หรือเรียกว่า “ทรัพย์สินเพื่อการลงทุน – Investment Asset” เราควรกระจายทรัพย์สินลงทุนออกเป็นหลายๆประเภท เราเรียกว่า “การกระจายการลงทุน – Asset Allocation” ซึ่งควรให้มีทั้งทรัพย์สินที่สามารถขายออกได้ง่ายและเร็ว และที่เหลืออาจเป็นทรัพย์สินที่แปลงเป็นเงินสดได้ยากบ้างก็ไม่เป็นไร (ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะเอาไปลงทุนแต่สินทรัพย์ที่แปลงเป็นเงินสดได้ยากเพียงอย่างเดียวครับ เช่นเอาไปลงทุนเป็นอสังหาริมทรัพย์เพียงอย่างเดียว เพราะวันที่เราต้องรีบขายออก เราจะต้องยอมขายลดราคาไม่เช่นนั้นจะต้องรอกว่าจะขายได้)
การวางแผนการเงิน และการจัดการเพียงแค่นี้ก็ทำให้ชีวิตเราสามารถหลีกหนี้จากปัญหาหนี้สินได้แล้วครับ ใครมีปัญหาหนี้สิน ปัญหาสภาพคล่อง ปัญหาการบริหารทรัพย์สิน ติดต่อกับที่ปรึกษาการเงินใกล้ตัวท่านได้เลยครับ ชีวิตดีขึ้นแน่นอน
ที่มา
https://moneyhub.in.th/article/การเงินขาดสภาพคล่อง
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=offway&month=09-2008&date=17&group=13&gblog=29
THAIFA “รวมพลัง สร้างอนาคต”