FA Time กับ อ.ตี๋ ชวลิต ลีลาภรณ์, FChFP
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเราใช้สินค้าผิดวัตถุประสงค์ของมัน
เรื่องของคนที่เลือกใช้สินค้าผิดประเภท ผิดวัตถุประสงค์ จะเกิดอะไรขึ้น
วันนี้ต้องขอบคุณแนวความคิดดีๆ จากคุณมงคล ลุสัมฤทธิ์ หรือคุณหมง พี่หมง อาจารย์ของผม และของพวกเราหลายๆคน รวมถึงเป็นอาจารย์ประจำของหลักสูตร FChFP Module 1 และ Module Executive ของสมาคมฯเรา, ผู้แต่งหนังสือหลายเล่ม, เจ้าของ Line Official “@WealthDesigner” มาดูแนวคิดดีๆกันครับ
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเราใช้สินค้าผิดวัตถุประสงค์ของมัน ดังประโยคที่พี่หมงกล่าว
“ผมเห็นหลายคนซื้อชาเขียว โดยไม่ได้ต้องการดับกระหาย แต่ซื้อชาเขียวเพราะต้องการชิงโชครถเบ๊นซ์ ผมเห็นหลายคนที่ใส่หมวกตอนขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ใช่กันน็อค แต่ใส่หมวกเพราะกันตำรวจ คนชอบมองที่เปลือก ไม่ได้มองที่แก่น เหมือนกับคนที่ซื้อ LTF RMF เลยครับ ที่ไม่ได้มองที่แก่นหรือวัตถุประสงค์หลักของมัน แต่มองที่เปลือกคือต้องการลดหย่อนภาษีเท่านั้น เช่นเดียวกับกับการซื้อประกัน คนซื้อประกันไม่ต้องการความคุ้มครอง แต่ต้องการเพียงภาษี”
อ่านดูแล้วรู้สึกจั๊กจี้ครับ เพราะครั้งหนึ่งผมเองก็เป็นแบบนั้น และคนส่วนใหญ่ก็ยังเป็นแบบนั้น เราลองตั้งคำถาม แล้วมาช่วยกันวิเคราะห์หาคำตอบกันนะครับ
- เรารู้ไหมว่าสินค้าการเงินแต่ละชนิดถูกออกแบบมาเพื่อหน้าที่อะไร? แล้วทำไมเราถึงไม่เลือกใช้สินค้าการเงินตามวัตถุประสงค์ของแต่ละสินค้า?
- จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเราเลือกใช้สินค้าอย่างผิดวัตถุประสงค์?
ตอบคำถามแรก คนส่วนใหญ่ทราบครับว่าสินค้าการเงินแต่ละตัว ถูกออกแบบมาเพื่อประโยชน์ในด้านไหน แต่ต้องบอกว่าสินค้าการเงินเพียงตัวเดียวคงไม่สามารถตอบโจทย์ หรือความต้องการได้ทุกด้าน หลายคนต้องการผลประโยชน์ระยะสั้นที่จะได้รับตรงหน้ามากกว่าจะสนใจในผลประโยชน์ระยะยาว จึงเลือกที่จะซื้อหรือใช้สินค้าอย่างผิดๆ เช่น คนส่วนใหญ่เลือกใช้สินค้า LTF มากกว่า RMF ทั้งที่รู้ว่าวันหนึ่งเราก็ต้องเกษียณ อีกทั้งนิสัยทางการเงินเป็นคนประเภท Conservative แต่ก็ยังเลือกลงทุนใน LTF ซึ่งมีระดับความเสี่ยงที่ลงทุนในตราสารทุน (มีความเสี่ยงระดับ 6 จาก 8 ระดับ) หรือ เมื่อไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายด้านประกัน จึงเลือกใช้สินค้าการเงินที่ไม่มีประกันจะดีกว่า เช่น ทุกปีเลือกที่จะซื้อ LTF เพียงอย่างเดียว เพราะ LTF ได้รับสิทธิ์ทางภาษี และไม่ต้องเสียค่าการประกันภัย แต่ถ้าพิจารณาให้ดี “ปิรามิดการเงิน” ให้การประกันเป็นพื้นฐานที่สำคัญมากกว่าการลงทุน ไม่ใช่ว่าการลงทุนจะไม่ดี แต่ก่อนจะไปสู่การลงทุนเราต้องสำรวจภัย และจัดการเรื่องการโอนย้ายความเสี่ยงให้เรียบร้อยเสียก่อน นี้คือผลลัพธ์ของการเลือกใช้สินค้าอย่างผิดวัตถุประสงค์ในตัวมัน
ตอบคำถามที่ 2 เมื่อพิจารณาให้ดี สินค้าการเงินหลายๆสินค้า จะมีประโยชน์มากกว่ามุมเพียง 1มุม เช่น ประโยชน์ของ LTF คือการลงทุนในกองทุนรวมหุ้น หรือตราสารทุน ในขณะเดียวกันก็จะได้รับสิทธิทางภาษี ส่วนประกัน ประโยชน์ที่แท้จริง คือการประกันชีวิต และสุขภาพ โรคร้ายแรง รวมถึงการออมทรัพย์ พร้อมกับได้รับสิทธิทางภาษี เช่นกัน ดังนั้นเมื่อเราเลือกใช้สินค้าผิดชนิด ก็หมายความว่าเราจะไม่ได้รับประโยชน์ในมุมที่ถูกที่ควรของมัน มีโอกาสอย่างมากที่จะทำให้ในวันหนึ่งข้างหน้า เราจะพบกับความผิดพลาดในการดำเนินชีวิต แผนชีวิตที่เคยจินตนาการจะไม่เป็นไปตามฝัน เช่นวันหนึ่งเราอาจจะต้องขายหน่วยลงทุน โดยต้องเอาทั้งเงินต้นและกำไรทั้งหมด ไปใช้จ่ายค่ารักษาโรคร้ายแรง เพียงเพราะกลัวเสียค่าเบี้ยประกัน หรือจากการลงทุนแบบระยะสั้น เมื่อครบกำหนด ถึงแม้ว่าเราจะได้กำไร แต่ก็เอากำไรที่ได้ไปจับจ่ายใช้สอย จนถึงวันหนึ่งที่เกษียณ เรากลับมีเงินทุนเพื่อการเกษียณไม่เพียงพอ เป็นต้นครับ
“ชีวิตที่จะประสบความสำเร็จ ต้องการคำปรึกษา ต้องการการวางแผน” ติดต่อ FA ใกล้ตัวท่านได้เลยครับ
ขอบคุณ คุณมงคล ลุสัมฤทธิ์ (พี่หมง)
อ้างอิง http://fromwealthdesigner.blogspot.com/2016/02/ltf-rmf.html
THAIFA “รวมพลัง สร้างอนาคต”