FA Time กับ อ.ตี๋ ชวลิต ลีลาภรณ์ ,FChFP
ความเสี่ยง (Risk) หน้าตาอย่างไร?
ความเสี่ยง อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่เราคิดครับ มันไม่เคยห่างจากตัวเราเลย มองก็ไม่เห็นแต่ก็ทำให้เราเจ็บๆ คันๆ ได้ตลอดเวลาครับ ความเสี่ยงมีหลายรูปแบบ เช่นความเสี่ยงในการขับขี่รถ ความเสี่ยงจากการทำงาน ความเสี่ยงจากการตัดสินใจลงทุน เห็นด้วยไหมครับว่า ถึงแม้ว่าเราระวังตัวดีแค่ไหน รอบครอบแค่ไหน ก็ยังเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นได้ “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน” ดังนั้นความเสี่ยงเป็นอะไรที่เรา มองก็ยาก หนีก็ไม่พ้นครับ เราจึงควรยอมรับมันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนด้วย แล้วใช้หลักการบริหารจัดการ หรือการป้องกัน และกระจายความเสี่ยง เข้ามาช่วยครับ ครั้งนี้เราจะรู้จักกับความเสี่ยงก่อนครับ แล้วครั้งหน้าเราจะมารู้จักกับการบริหารจัดการความเสี่ยง
“อัตราความเสี่ยงจากการลงทุน – Investment Risk Rate” หมายถึง การที่ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนจริงจากการลงทุน เบี่ยงเบนไปจากผลตอบแทนที่คาดหวังไว้ว่าจะได้รับเมื่อแรกเริ่มลงทุน ไม่ว่าผลตอบแทนที่ได้รับจริงจะมากกว่า หรือน้อยกว่าที่คาดหวัง ถือว่าเป็นความเสี่ยงทั้งสิ้น (กรุณาอ่านซ้ำอีกครั้ง) ตัวอย่าง การลงทุน 2 ทางเลือก
- ทางเลือก A ซื้อของมาขาย ที่ต้นทุน 10,000 บาท คาดว่าน่าจะขายได้ที่ราคา 11,000 บาท แต่ขายจริงขายได้ 12,000 บาท
- ทางเลือก B ซื้อของมาขาย ที่ต้นทุน 10,000 บาท คาดว่าน่าจะขายได้ที่ราคา 11,000 บาท แต่ขายจริงขายได้ 10,500 บาท
พิจารณา ทางเลือก A หรือ ทางเลือก B มีความเสี่ยงมากกว่ากันครับ หลายคนยังคงตอบว่า B ครับ เพราะเห็นว่า B คือการขาดทุนจากเป้าหมายที่ต้องการ ในขณะที่ A สามารถสร้างกำไรได้มากกว่าเป้าหมาย คิดแบบนี้ไม่ถูกครับ เราต้องถือว่า ทางเลือก A มีความเสี่ยงที่สูงกว่าครับ เพราะทางเลือก A ได้รับผลตอบแทนจริงคาดเคลื่อนจากเป้าหมายไปถึง 1,000 บาท ในขณะที่ทางเลือก B คาดเคลื่อนไปจากเป้าหมายเพียง 500 บาทเท่านั้น ดังนั้นความเสี่ยงคือ การเบี่ยงเบนไปจากเป้าหมายที่คาดหวังไว้ การลงทุนไหนที่ผลลัพธ์มีโอกาสคาดเคลื่อนจากเป้าหมายยิ่งมาก หรือคาดการณ์อนาคตหรือผลลัพธ์ยิ่งยาก หรือมีปัจจัยผันแปรมากยิ่งเยอะขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งมีความเสี่ยงที่มากขึ้นเท่านั้นครับ
“อัตราผลตอบแทนคาดหวัง (Expected Return Rate) และอัตราความเสี่ยงจากการลงทุน” มีหน้าตาอย่างไร ในการลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เราจะสามารถหาข้อมูลสถิติผลตอบแทนย้อนหลังได้ ซึ่งหาได้จากแหล่งอ้างอิงต่างๆ เช่น ราคาหุ้นย้อนหลัง ก็หาจาก ตลาดหลักทรัพย์ หรือโปรแกรมดูราคาหุ้นต่างๆ ราคาหน่วยลงทุนย้อนหลัง ก็ดูได้จาก Web Site รวมข้อมูลกองทุนรวมดังๆ เช่น Morning Star Thailand หรือ Wealth Magik และเราสามารถใช้หลักการทางสถิติมาคาดเดาผลลัพธ์ในอนาคตได้ครับ โดยยิ่งมีข้อมูลในอดีตยิ่งมาก ยิ่งมีความแม่นยำในการคาดเดาที่สูงขึ้น โดย
- ค่าผลตอบแทนคาดหวังในอนาคต สามารถหาได้จากค่าเฉลี่ยของข้อมูลผลตอบแทนย้อนหลังครับ และ
- ค่าความเสี่ยงในการลงทุน สามารถหาได้จากค่า Standard Deviation (SD) หรือค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ซึ่งคือความบานออกของกราฟระฆังคว่ำที่เคยเรียนกันในวิชาสถิติ จำได้ไหมครับ (อ้างอิงรูปที่ 1 และตารางตัวอย่างที่ 1)
(ขอไม่ลงรายละเอียดการคำนวณนะครับ ถ้าผู้อ่านท่านใดสนใจข้อมูลที่ลึกขึ้นสามารถสอบถามข้อมูลได้จากที่ปรึกษาด้านการวางแผนนะครับ)
แต่ในการพิจารณาว่าการลงทุนไหนดีกว่า เราจะใช้เพียงข้อ 1. คือค่าผลตอบแทนคาดหวังในอนาคต (เช่นจากตัวอย่างที่ 1 ตราสาร B ให้ค่า 8.12% ย่อมดีกว่าตราสาร A ที่ 7.92%) หรือ ใช้เพียงข้อ 2. ค่าความเสี่ยงในการลงทุน (ตราสาร A ให้ค่า 2.58 ย่อมน้อยกว่า ตราสาร B ที่ 3.35) เพียงข้อหนึ่งข้อใดไม่ได้ครับ เราควรต้องคำนึงถึงเป้าหมาย และเอาค่าที่หาได้ทั้ง 2 ค่า มาตั้งหารกันครับ โดยให้เอาข้อ 1. ตั้ง และหารด้วยข้อ 2. จะกลายเป็น ผลตอบแทนคาดหวังต่อหนึ่งหน่วยความเสี่ยง ซึ่งตัวไหนตัวเลขสูงกว่า ตัวนั้นน่าสนใจกว่าครับ (ตารางตัวอย่างที่ 1 ตราสาร A น่าสนใจมากกว่า ตราสาร B)
ครั้งหน้าเราจะมาคุยกันเรื่องการบริหารจัดการความเสี่ยงนะครับ อย่าลืมนะครับ ความเสี่ยง ไม่ได้มีแต่ในเรื่องการลงทุน แต่ความเสี่ยงอยู่กับเราในทุกๆ เรื่อง และทุกๆ เวลาครับ ในฐานะของ FA เราต้องบริหารความเสี่ยงให้กับลูกค้าในทุกๆด้านครับ ไม่ใช่ด้านการลงทุนเพียงด้านเดียวครับ
อ้างอิง http://www.thaimutualfund.com/AIMC/aimc_about.jsp?pg=9
THAIFA “รวมพลัง สร้างอนาคต”