การบริหารความเสี่ยง #2

By admin
In Finance
16/03/2023
1 min read

FA Time กับ อ.ตี๋ ชวลิต ลีลาภรณ์, FChFP

ความเสี่ยง (Risk)  #2

เหรียญมี 2 ด้าน การลงทุนก็มี 2 ด้านเช่นเดียวกับเหรียญ  แต่การลงทุนไม่ใช่การเสี่ยงดวงนะครับ  อยากประสบความสำเร็จในการลงทุนสามารถทำได้  ต้องทำอย่างไร?  วันนี้มาคุยเรื่องหนทางสู่ความสำเร็จในการลงทุนกันดีกว่าครับ  

ก่อนอื่นผมสรุปเรื่องเป้าหมายการลงทุนให้ชัดเจนก่อนนะครับว่า การลงทุนนอกจากหวังจะได้อัตราผลตอบแทนที่เหมาะสมแล้ว (ย้ำ อัตราผลตอบแทนที่เหมาะสมครับ ไม่ใช่อัตราผลตอบแทนสูงสุด) แต่การลงทุนที่ดีควรต้องมีความสุขในระหว่างลงทุนด้วยครับ  การจะมีความสุขในการลงทุน คือ “ต้องเข้าใจการลงทุน และลงทุนในรูปแบบที่ถูกต้องครับ”  ผมไม่อยากเห็นทุกๆท่านนำเงินทองที่หามาได้นำไปลงทุนแล้วก็มีแต่ความทุกข์  สาเหตุที่เป็นทุกข์เพราะความเครียด เครียดจากความคาดหวังในอัตราผลตอบแทนที่สูงๆ หวังจะให้ได้ผลตอบแทนสูงที่สุด ยิ่งคาดหวังสูงก็ยิ่งเครียด   ความโลภนั้นแหละครับคือต้นเหตุแห่งทุกข์   ไม่ใช่เขียนให้กลัวการลงทุนนะครับ  แต่อยากให้ลงทุนอย่างนักวางแผนการเงิน (FA)    

  1. การลงทุนต้องคำนึงถึงเป้าหมายเป็นสำคัญ  
  2. เข้าใจในขอบเขต และเงื่อนไขต่างๆในการลงทุน เช่น ความรู้ ประสบการณ์  ปริมาณต้นทุน เวลาที่มี เป็นต้น  
  3. หาอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสม  
  4. เลือกเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงในการลงทุน  

หากเราเลือกบริหารความเสี่ยงอย่างถูกต้อง เราจะไม่เครียดเลยครับ 

บทเรียนแรกในการบริหารการลงทุน และความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรเริ่มต้นจาก

  1. ปรึกษานักวางแผนการเงิน  เพื่อกำหนดเป้าหมาย จัดทำแผนการเงิน ช่วยให้เราบรรลุวัตถุประสงค์ทางการเงิน  และวิธีการบริหารการเงินตามวัตถุประสงค์
  2. จัดทำ Asset Allocations จัดแบ่งสัดส่วนของสินทรัพย์ลงทุน ในการลงทุนที่แตกต่างกัน ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ต้องให้น้ำหนักสูงที่สุด   เปรียบได้กับการกระจายไข่เก็บไว้หลายๆตะกร้า  หากมีตะกร้าหนึ่งตะกร้าใดได้รับการกระทบกระเทือนก็จะไม่ทำให้ไข่ทั้งหมดแตกไปพร้อมๆกัน  (เราจะกล่าวถึงเรื่องนี้ในครั้งต่อๆไปครับ)
  3. ในกรณีที่เราไม่มีความรู้ ไม่มีความชำนาญ ปริมาณต้นทุนที่มีไม่มาก และไม่มีเวลาในการติดตามการลงทุน  ไม่ว่าจะอย่างหนึ่งอย่างใด หรือหลายๆอย่างก็ตาม  ควรหลีกเลี่ยงการลงทุนทางตรง (Direct Investment) แต่ควรลงทุนผ่านการลงทุนทางอ้อม (Indirect Investment) เช่น กองทุนรวมประเภทต่างๆ จะดีกว่าครับ   

การลงทุน เป็นได้เป็น 2 รูปแบบ คือ 1. การลงทุนทางตรง (Direct Investment) เราคือผู้บริหารการเงินและตัดสินใจเองในทุกๆขบวนการ เช่นการซื้อ/ถือครอง/สับเปลี่ยน/ขาย พันธบัตร ที่ดิน หุ้น ล้วนต้องตัดสินใจด้วยตัวเองทั้งสิ้น และ 2. การลงทุนทางอ้อม (Indirect Investment) เราจะยกอำนาจในการบริหารเงินนี้ให้กับบุคคลอื่น หรือบริษัทอื่น ซึ่งมีความรู้ ความชำนาญ และความประสบการณ์ในการลงทุนให้ผู้บริหารแทน เช่นการซื้อกองทุนรวมหุ้น  กองทุนรวมตราสารหนี้  หรือแม้แต่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์  ในระหว่างที่เราถือครองหน่วยลงทุนอยู่นั้น อำนาจในการบริหารจะอยู่ที่ผู้จัดการกองทุน (Fund Manager) (อ้างอิง เอกสารที่ 1)

Fund Manager คือผู้มีความรู้ และความชำนาญ เข้ามาทำหน้าที่บริหารการลงทุนแทนผู้ลงทุนอย่างเราครับ  ถึงต้องมีค่าบริหารกองทุน หรือค่าใช้จ่ายบ้างก็เพียงเล็กน้อยครับ ดีกว่าความเสี่ยงในการลงทุนเองโดยที่ไม่ชำนาญครับ  เราสามารถเริ่มศึกษาเรื่องกองทุนรวมได้จากหนังสือ และ web site หลายๆแห่งครับ แต่ผมขอแนะนำ web site ที่นิยมมากในการศึกษาข้อมูลเรื่องกองทุนรวมครับ คือ

http://www.wealthmagik.com  และ  http://www.morningstarthailand.com

เอกสารอ้างอิง 1  http://archive.lib.cmu.ac.th/full/T/2550/mba0750ct_ch2.pdf

THAIFA “รวมพลัง สร้างอนาคต”